ประสบการณ์จริงเรื่อง ‘เวรกรรม’ ที่ใครไม่เจอกับตัวเองไม่มีวันเชื่อ!!


ขอเริ่มย้อนไปเมื่อ50กว่าปีที่ผ่านมา คุณพ่อเราเป็นคนไทยเชื้อสายจีนค่ะ พื้นเพที่บ้านของคุณพ่อเป็นคนมีเงิน แต่คุณพ่อเราชอบทำงานหาเงินเองมากกว่า เพราะฉะนั้นคุณพ่อเราเลยเริ่มหาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ปวช. แล้วตั้งแต่นั้นมาคุณพ่อก็เริ่มเกเร ไม่เรียนหนังสือ วิชาเดียวที่สอบผ่านคือวิชาพละ ที่ตัวเองสนิทกับคุณครู เริ่มมีสิ่งเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง เริ่มมีเรื่องชู้สาว และสิ่งไม่ดีอีกมากมายที่เราจะค่อยๆเล่าต่อจากนี้
อันดับแรกเลยที่กระทบต่อชีวิตปัจจุบันมากที่สุด คือพ่อเราเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำแท้งค่ะ ตอนช่วงวัยรุ่น คุณพ่อเราเป็นคนหน้าตาค่อนข้างดี แล้วยิ่งช่วงนั้นหนุ่มตี๋เป็นที่นิยมมากพอสมควร ทำให้คุณพ่อเรามีผู้หญิงมาติดพันเยอะ ไม่มีการป้องกันหรือยังไงไม่ทราบ แต่สุดท้ายคือผู้หญิงคนนั้นท้องค่ะ แล้วก็จบลงด้วยการที่พ่อเราพาไปทำแท้ง..

แต่สิ่งที่ทำให้เราตกใจมากที่สุดคือ ตอนที่พ่อบอกเราว่า ผู้หญิงที่พ่อเราพาไปทำ ‘ไม่ได้มีคนเดียว’ ขอใช้ทำว่าฟันแล้วทิ้งเลยดีกว่า เราไม่ทราบจำนวนจริงๆเพราะพ่อบอกก็ลืมๆไปบ้างแล้ว

ช่วงระหว่างวัยรุ่น พ่อเราก็มีแก๊งซ์เพื่อนๆของเขา ซึ่งพ่อเล่าว่า เคยกระโดดลงน้ำไปเพื่อจับงู กระโดดลงไปกับเพื่อน โดยที่พ่อเราเป็นคนจับ(กล้ามาก!) ปรากฏว่างูที่จับขึ้นมา มันเป็นงูเห่าเผือก! พ่อเรายังเก็บรูปตอนที่พ่อกับเพื่อนๆจับเจ้างูเผือกนั้นมาทำอาหารเอาไว้อยู่เลยค่ะ แล้วยิ่งไปกว่านั้น เจ้ากรรม งูตัวนั้นกำลังไข่อยู่เลย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่รอดทั้งแม่งูแล้วก็งูตัวน้อยๆในไข่ที่ไม่มีโอกาสได้ออกมาสู่โลกภายนอก

พ่อเรามีเรื่องน่าแปลกใจเยอะมากโดยเฉพาะประสบการณ์เฉียดตายแต่ก็รอดมาได้ทุกครั้ง

อย่างที่สองต่อมาก็คือ พ่อเราเคยทำตู้ม้าค่ะ ตอนนั้นพ่อเราเจอแม่แล้ว และก็แต่งงานแล้ว กำลังท้องเราอยู่(เป็นลูกสาวคนแรกค่ะ) ตอนนั้นพ่อเราเปิดร้านอาหารกลางคืนแล้วก็มีตู้ม้าด้วย ช่วงนั้นคุณแม่บอกเงินเข้าเยอะมาก ไม่เคยขาดมือเลย หยิบใช้คล่องจนไม่มีเงินเก็บและลืมที่จะออมเงิน แล้วยิ่งเงินที่มาจากพนันตู้ม้าก็ยิ่งเยอะเข้าไปอีก แล้วพอมีคนเข้ามาเล่นก็ต้องมีคนเสียจริงไหมคะ ไม่รู้ว่าตอนที่พ่อเล่าน่ะ เป็นทีเล่นหรือทีจริง พ่อบอกว่า คนที่เสียจนมีหนี้ท่วมหัวจากพนัน เดินมาขอเงิน แต่สิ่งที่พ่อเรายื่นให้ ไม่ใช่เงิน แต่เป็น ‘ลูกปืน’ เราก็ไม่รู้ว่าจริงแท้มากแค่ไหน เพราะเคยฟังเพียงครั้งเดียวแล้วพ่อก็ไม่เคยเล่าให้ฟังอีก เขาบอกแค่เพียง เรื่องบางเรื่องในชีวิตเขา ‘เขาก็เล่าให้ใครฟังไม่ได้’

จากนั้นพ่อเราก็เลิกทำธุรกิจอย่างนั้นแล้วเปลี่ยนมาทำธุรกิจโบรกเกอร์แทน ซึ่งนี่กิจการที่พ่อทำต่อมาจากอาม่า แต่ช่วงแรกอาม่าบอกพ่อเราว่าห้ามทำบริษัทประกันเด็ดขาด แต่พ่อเราดื้อ เปิดบริษัทขึ้นมาจนได้ ตอนนั้นอาม่าโกรธจนหนีกลับต่างจังหวัดเลยค่ะ แต่เพราะเงินดีมากเรียกว่าวันนึงการหาเงินล้านเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับบ้านเรา อย่าหาว่าเราโม้เลยค่ะ ตอนมีเงินพ่อเราเหมือนเป็นเจ้าขุนเจ้านายจริงๆ มีแต่คนเดินเข้าหา เราเองก็จำภาพนั้นได้ดี มีแต่คนมาประจบพ่อเราไม่ว่าจะคนรุ่นกลางหรือรุ่นใหญ่

จนมาถึงช่วงพีคที่สุดของชีวิต กรรมมันรอจังหวะที่เราเผลอ แล้วมันก็มาทวงคืน…

มันเริ่มจากแบค ออฟฟิศพ่อเราไม่ดี เพราะพ่อเรามัวแต่ลุยตลาดจนลืมว่าเบื้องหลังมันไม่แน่นพอ ทำให้ลูกน้องแม้กระทั้งเลขาคนสนิทที่พ่อปั้นมากลับมือ (วันพ่อที่เลขาคนนี้เอาพวงมาลัยมากราบแทบเท้าว่านับถือพ่อเราเหมือนพ่ออีกคน) เขากลับทรยศหักหลังพ่อเราได้ลงคอ

ช่วงนั้นเราเห็นแล้วว่าพ่อเราเสียสติจนเหมือนคนบ้า วันนึงที่เคยได้จับเงินล้าน ตอนนี้เงินร้อยบางที่ทั้งวันก็เพิ่งได้จับ พนักงานเองก็ทรยศไปเข้ากับบริษัทคู่แข่งจนบริษัทเราเองกำลังจะล้ม ตอนนั้นแม่เราที่กำลังท้องน้องคนสุดท้องก็เครียด คุณแม่เราเครียดจนตกเลือด แม้จะผ่านมาเกือบ10ปี เราก็ยังจำได้ว่าคนขับรถเราตอนนั้นมารับเรากลับจากโรงเรียนหลังจากที่รอนานมาก พี่เขาเห็นเราแล้วก็บอกพลางร้องไห้ไปด้วย เขาบอกว่าสงสารแม่เรา แม่เราเครียดมากจนเป็นลม เครียดจนตกเลือดต้องพาไปโรงพยาบาล แม่เราปวดหัวจนเอาหัวโขกกับโต๊ะทำงาน จขกท.ในตอนนั้นรู้สึกแต่ว่า อยากเลิกเรียนแล้วออกมาหางานทำ ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องลำบากอีกแล้ว  แต่เท่านั้นยังทรมานไม่พอ…

หลังจากนั้น บ้านเราก็ได้เงินมาหมุนแบบฟลุ๊คๆจากการที่น้องเราขึ้นไปขอเจ้าแม่กวนอิมนี่ละคะ (แต่พอน้องเราเริ่มโตขึ้น เหมือนจะสื่อไม่ได้อีก ตอนนี้น้องเราก็14แล้วค่ะ) เมื่อตอนเด็กๆมีเหตุการณ์นึงน้องคนเล็กเราทำยางจากใบมะม่วงเข้าตา บ้านเราตกใจกันจนทำอะไรไม่ถูก น้องเราวิ่งขึ้นไปห้องพระ ไปร้องไห้บอก แม่ช่วยหนูด้วยๆ แต่พอแม่เราพาไปหาหมอปรากฎว่าน้องเราไม่เป็นอะไรเลย ก็แปลกดีเหมือนกันค่ะ

บ้านเราเริ่มสัมผัสกับสิ่งที่มองไม่เห็นมากขึ้น โดยเฉพาะคนนอกที่มานอนค้างบ้านเราส่วนใหญ่จะเห็นเด็กมาวิ่งเล่นในบ้านหนักสุดก็มานั่งทับอก มาเล่นด้วยตอนนอนค่ะ… แล้วยิ่งน้องคนกลางเราที่แม่เราเคยไปขอพระท่านมา(ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไรนะคะ แต่ได้ว่าขอๆ ซื้อๆ คือหลังจากคลอดน้องคนกลางมาน้องเราอยู่ๆก็แหกปากร้องแบบไม่มีเหตุผล แบบชนิดที่พ่อแม่เราพากันวางทิ้งเลยค่ะ เรางี้นั่งร้องไห้กับน้องเลยเพราะสงสารไม่รู้น้องร้องทำไม เค้าบอกน้องเราเหมือนเป็นเด็กโคลิค แม่เราเลยพาน้องไปหาพระให้พระท่านช่วย เหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนอะไรก็ไม่ทราบค่ะ) ตั้งแต่นั้นมาโจขึ้นนางบอกว่า บางทีนั่งเล่นคอมดึกๆ ก็มีคนมาเขย่าเก้าอี้จนน้องบอกว่า รู้แล้วเดี๋ยวเข้านอนแล้ว



วันพระ นางก็ฝันว่าเห็นพระมานั่งอยู่ที่ห้อง หลาย10องค์เลย ที่พีคสุดคือนางเดินไปปิดผ้าม่านที่หน้าต่าง นางบอกว่า เจอคนชะโงกหน้าออกมายิ้มให้ถ้าจะบอกว่าเป็นคนก็คงต้องเป็นคนที่สูงพอจะชะโงกหน้าออกมายิ้มบนหน้าต่างชั้นสองแหนะ ส่วนตัวเรา จขกท.ก็เคยเห็นเหมือนกันค่ะ แต่เราเป็นคนขี้กลัว ใจไม่แข็งเหมือนน้องคนกลาง ยอมแพ้จนต้องจุดธูปบอกว่า ถ้าอยากจะสื่อกับหนู มาสื่อในฝันนะคะ ขอมาในสภาพดีๆน้า จากวันนั้นเราก็ไม่เคยเจอเลยนะคะ แต่ถ้ามาสื่อกับเราในฝันก็บ่อยอยู่เหมือนกันค่ะ(ทุกวันนี้ก็ยังกลัวอยู่เลยค่ะ 5555) เอาไว้ว่างๆ มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟัง เยอะมากเลยค่ะ กลัวเล่าไปมันจะนอกเรื่อง

กรรมที่ทำนั้นส่งผลมาในชาตินี้จริงๆนะคะ เราเรื่องบางเรื่องยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เรื่องเข้าวัดนี่บางครั้งก็ยังขี้เกียจะไปเลยค่ะ จนพ่อมาเล่าให้ฟังเราถึงเชื่อสนิทใจ เพราะในชีวิต20กว่าปีที่ผ่านมา ทุกอย่างโดยเฉพาะเรื่องธุรกิจนั้นแทบจะพังไม่เป็นท่า สติแตกจนต้องเข้าพึ่งทางธรรม เลยมีโอกาสได้พบกับแม่ชีพราหมณ์และพระที่เก่งมากๆอยู่หลายท่าน พวกท่านพาพ่อและแม่เราไปถือศิลที่หอสำนักธรรม(เรียกผิดขออภัยนะคะ) และได้มีโอกาสไปทำการเปิดกรรม เราเองก็ได้ไปด้วย แต่เข้าไม่ถึงจริงๆค่ะ

ไม่รู้ทั้งพระทั้งแม่ชี ท่านเห็นอะไรในตัวพ่อเราท่านถึงบังคับให้พ่อเรานั่งสมาธิสวดมนต์ พ่อเราเหมือนเป็นไฮเปอร์ค่ะ อยู่ไม่ค่อยสุก แต่วันนั้นที่นั่งแม่ชีที่นั่งสมาธิกับพ่อเราไปด้วย ท่านนั่งไปน้ำตาไหลเลยค่ะ ท่านบอกว่าเคลสของพ่อเราหนักจริงๆ ก่อนหน้านี้ท่านเห็นด้วยว่าพ่อเรามีเด็กเกาะอยู่ที่ไหล่(ไหล่พ่อเราเสียจริงๆค่ะ ยกไม่ค่อยขึ้นเลย) พูดแล้วพ่อเราก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่แม่ชีพูดนั้นตรงทุกอย่างทั้งๆที่พ่อเราอยากลองของว่าท่านแม่นจริงไหม พ่อเราไม่บอกอะไรเลยแต่แม่ชีกลับพูดถูกและตรงหมดทุกอย่าง กระทั้งเรื่องทำแท้งและฆ่างูแม่ชีบอกว่า

‘โชคยังดีที่ยังรอด เพราะเอ็งยังมีคนคุ้มครอง’

วันทำบุญแม่ชีก็บอกให้พ่อเราเขียนชื่อเด็กที่ทำแท้งให้ที เด็กที่ไม่มีชื่อเราก็ตั้งชื่อเขาด้วย ชื่อแม่ของเด็กด้วยก็ดี ท่านว่าๆ ตอนท่านนั่งสมาธิดู ท่านเห็นผู้หญิงคนนึงเข้ามาร้องไห้กับแม่ชี เขาบอกว่าเขาทรมานมาก เขาไม่มีทางปล่อยผู้ชาย(พ่อเรา)ให้มีความสุขหรอก ต้องให้พ่อเรารู้ว่าเขาทรมานอย่างไร เชื่อไหมค่ะ รายชื่อเด็กที่พ่อเราตั้ง เอาแค่เท่าที่จำได้ก็มีตั้ง 4-5คนแล้วค่ะ(ส่วนแม่เด็กที่เอาออกนี่ไม่น่าจะซ้ำกันเลย)แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่แม่เรานะคะ

กรรมอย่างไรก็แก้ไม่ได้หรอกค่ะ เพียงแต่ทำให้จากหนักเป็นเบา ค่อยๆทำบุญให้เขา เผื่อว่าเขาจะอโหสิให้ ยิ่งตอนนั้นพอกับแม่เราทำบุญด้วยของใช้เด็กตลอดเลย อะไรที่พอจะช่วยเหลือเด็ก เช่น เด็กกำพร้า พ่อกับแม่เราก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือหรือบริจาคสิ่งของให้ (เสื้อผ้า ของเล่นของเรา เราก็หอบเอาไปให้นะคะ เราเห็นแล้วเราก็สงสารเหมือนกัน)

หลังจากไปทำบุญเปิดกรรมคราวนั้น อะไรๆก็ดีขึ้นนะคะ แต่ดีขึ้นเพียงประเดี๋ยวเท่านั้นเอง มันก็กลับไปแย่ใหม่ เหมือนกันเรากำลังว่ายน้ำ กำลังจะจมน้ำพอเจอห่วงชูชีพจะคว้าเอาไว้ แต่ก็คว้าเอาไว้ไม่ได้ ชีวิตเราเหมือนกันเลยค่ะ วันดีคืนดีพ่อเรากลับบ้านมาหน้ายิ้มบานแฉ่งบอกว่ามีคนใจดีมาช่วยธุรกิจเราแล้วนะลูก เรารอดตายแล้ว เราก็ดีใจ ผ่านไปเดือนสองเดือน พ่อกลับเข้าบ้านมาน้ำตาตกใน ถามว่าพ่อเป็นอะไร พ่อบอกพ่อโดนเขาทรยศอีกแล้วลูก

ก็เลยแวะเวียนหันไปหาแม่ชีอีกครั้ง ท่านนั่งทางในให้ก็เห็นว่าเรื่องมันยังไม่จบหรอก ลูกจำงูเผือกตัวนั้นได้ไหมที่ลูกฆ่าเขา พ่อเราก็ตกใจ งงว่าแม่ชีท่านรู้ได้ไง พอถามเอา แม่ชีท่านว่าตกใจมาก ในนิมิตท่านเห็นงูเผือกตัวนึงเลื่อยมาหาท่าน แล้วปรากฏกายเป็นผู้หญิง เธอว่าผู้ชายคนนี้ฆ่าเธอกับลูกของเธออย่างเลือดเย็น(แม่ชีบอก ไม่รู้ว่านางเกิดในยุดไหนแต่นางไม่ได้เรียกพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้า แต่กลับเรียกว่าพระสิทธัตถะซึ่งมีแต่คนโบราณหลายร้อยปีที่เรียก เราก็เดาว่าน่าจะเป็นงูเจ้าที่ ) เธอจะเอาพ่อเราถึงตาย เลือดอย่างไรก็ต้องชำระด้วยเลือด ทำแค่ตัวเขาไม่พอ ยังทำร้ายลูกของเขาอีก แม่ชีท่านว่าอย่างนั้น แม่ชีท่านก็เจรจาให้ คุยไปคุยมา เธอว่าต้องการให้พ่อเราบวชให้อย่างน้อย3พรรษา

ไปหากี่หมอดู เขาก็ว่าเป็นกรรมที่เขามาทวงคืน ถ้าใครเคยดูรายการผีรายการนึง ผู้หญิงคนนึงทำอะไรก็ไม่ขึ้น มีแต่จมลงๆ เพราะครั้งนึงเคยไปทำแท้งมา ใครไม่เชื่อ แต่เราเชื่อนะคะ เรื่องนี้มันก็มองได้หลายแง่มุม บางทีก็อาจจะเป็นเพราะพ่อเราเองนั้นและ เดินทางผิดก็เอาแต่โทษเวรโทษกรรม แต่สิ่งเหล่านี้มันสัมผัมไม่ได้แต่มันรับรู้ได้จริงๆนะคะ ตอนนี้พ่อเราก็ยอมแล้วค่ะ ยอมให้เขาเอาคืน พ่อเราก็ก้มหน้าก้มตาชดใช้ จนตอนนี้ยังลืมตาอ้าปากไม่ได้เลยค่ะ ทำงานอะไรก็เจอแต่คนเขาเอาเปรียบ หักหลังจนตอนนี้มันชินและชาไปหมดแล้ว วันนี้ได้งานมา พรุ่งนี้เสียงาน เราก็ได้แต่บอกพ่อ ไม่เป็นไร เริ่มกันใหม่นะป๊า

เราบอกให้พ่อเราวางมือทุกอย่าง เขาอยากยึดบ้านก็ให้เขายึดไป เขาอยากเอาอะไรก็ให้เขาเอาไป ยังไม่ตายก็หาใหม่ ป๊ามีลูกสาวสามคน มีตั้งหกมือ หกตี.น มันจะไม่มีอะไรเจริญบ้างเลยเหรอ ป๊าบอกแล้วตอนนี้หนูเรียน จะเอาเงินก้อนที่ไหนมาส่งเสียเราเรียนละลูก บอกตรงๆ เราอึดอัดมากจริงๆ แม้พ่อจะบอกให้เรามีหน้าที่ตั้งใจเรียน แต่เรารู้สึกว่ามันไม่พอจริงๆคะ เราอยากหางานพิเศษทำ พ่อก็บอกไปช่วยงานที่บ้านดีกว่า แต่ทำไปเราก็ช่วยอะไรไม่ได้มากอยู่ดี เราเคยแต่งนิยายขายนะคะ ได้เงินมา5-6พันเหมือนกัน วันนั้นพ่อเราไม่มีตังเลยซักบาท แม่ก็มาบอกเรา เราเลยกดเงินสดมาให้พ่อเราใช้ บอกแม่ว่า เอานี่ให้ป๊าใช้นะแม่ แม้วันต่อมา ป๊าเราจะด่าว่าเราเอาเงินไปใช้เละเทะ(เราไม่ได้บอกว่าเอาเงินให้ป๊าเราค่ะ บอกไปบ้านระเบิดแน่นอนค่ะ) แต่เรามีความสุขจริงๆนะ ที่เห็นป๊าเราใช้เงินของเราซื้อข้าวกิน^^

จริงๆที่มาตั้งกระทู้ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเราก็อยากมาแชร์ประสบการณ์ว่าครั้งนึงเราเจอแบบนี้ในชีวิต มันก็เป็นอุทธาหรณ์สอนอะไรได้หลายๆอย่าง แต่อีกส่วนหนึ่งเหมือนกับว่าตอนนี้เราเริ่มทนไม่ไหวแล้ว บางทีการที่ไม่มีเงินเลย อาจจะดีกว่าการติดหนี้เป็นร้อยล้านก็ได้ค่ะ… ไม่รู้ว่าชาติไหนเราจะใช้หมดเหมือนกัน เราสงสารพ่อ สงสารแม่ อยากให้เขามีความสุข เราเห็นพ่อแม่เพื่อนบินไปเที่ยวเมืองนอก เราก็ฝันเอาไว้ว่าเราก็อยากพาพวกท่านไปเหมือนกัน เราก็ได้แต่บอกพ่อแม่ว่า ค่อยหนูก่อนนะ อีกปีกว่าหนูก็จบแล้ว มือหยาบๆของพ่อกับแม่จะได้นิ่มเสียที

ที่มา http://www.doodiza.com/news5208.html

0 comments:

Post a Comment